สิ่งเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนของวิธีคิดในแบบของ "โนเกีย" ในการก้าวเดินสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ จากเรื่องเล็กๆ และสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัว
ดังนั้นของ "พรีเมี่ยม" ทุกชิ้นจึงมีที่มา
ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าใส่โทรศัพท์หน้าตาเก๋ที่ออกแบบโดย "เพลย์ฮาว" ที่ทำมาจาก "ไวนีล" ป้ายโฆษณาของ โนเกียที่เคยติดอยู่ทั่วเมือง
ปากกาด้ามเล็กๆ ที่มีข้อความว่า "I used to BE...CAR PARTS" เป็นปากกาที่ทำมาจากการรีไซเคิลชิ้นส่วนรถยนต์
กระเป๋าใบเล็กที่พับอยู่ในถุงที่ทำมาจาก "ขวดน้ำ 3 ขวด"
เสื้อ ยืดคอกลมแบบเรียบๆ ทำมาจากเยื่อไผ่ 70% นั่นเพราะต้นไผ่ถือเป็นต้นไม้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อตัดไปใช้งานแล้วยังสามารถปลูกทดแทนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
เบื้อง หลังของเหล่านี้คือความพยายามที่นอกจากจะต้องการให้ผู้บริโภคนึกถึงการรีไซ เคิลทุกครั้งเมื่อเห็นสิ่งของ ในเวลาเดียวกันยังต้องการทำให้คนรู้ว่า "อะไรทุกอย่างที่เราใช้ในทุกวันนี้เราสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก และเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ทำได้ทุกวัน"
นอกจากนี้เมื่อโทรศัพท์เครื่อง หนึ่งถูกหย่อนลงกล่องนั่นหมายถึงเงินจำนวน 50 บาทที่ "โนเกีย" และ "เทส-แอม" จะจ่ายเงินสมทบทุนให้กับโครงการส่งเสริมการจัดการประชากรช้างป่าอุทยานแห่ง ชาติกุยบุรีของ WWF ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันระหว่างคนและช้าง ด้วยเหตุผลที่ว่าช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย
ขณะเดียวกันแนวคิดการอยู่ร่วมกันถือเป็นแนวคิดที่บริษัทคำนึงถึงในการอยู่ร่วมกันระหว่างโนเกียและโลก
อย่าง ไรก็ตามแม้หัวใจหลักของแคมเปญ จะอยู่ที่การรณรงค์เรื่องการรีไซเคิลโทรศัพท์เหมือนกัน แต่สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้กลับแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในนอร์เวย์ถ้าเดินมาหย่อนโทรศัพท์เก่าจะได้รับเมล็ดพันธุ์พืชไปปลูก ในฟิลิปปินส์ถ้าหย่อนโทรศัพท์แล้วจะมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้
เพราะเชื่อว่าในแต่ละสังคมล้วนมีความต้องการไม่เหมือนกัน !!
ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 29 ธันวาคม 2551
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02csr02291251&day=2008-12-29§ionid=0221
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น