วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

ชวนโหวต "บ.ยอดแย่" สัญญาณเตือน "ธุรกิจ" จาก "ผู้บริโภค"



การ แถลงข่าวเปิดตัวโครงการผลิตภัณฑ์ บริการ และโฆษณายอดเยี่ยม/ยอดแย่ประจำปี 2551 ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและภาคี เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งจะเปิดโอกาสให้ "ผู้บริโภค" ได้มีส่วนร่วมในการโหวตสินค้า ผลิตภัณฑ์และโฆษณาที่ "ยอดเยี่ยม" และ "ยอดแย่" ผ่าน www.consumerthai.org ตั้งแต่วันนี้-20 มกราคม 2552 โดยจะประกาศผลในวันที่ 30 เมษายน 2552 ซึ่งตรงกับวันคุ้มครองผู้บริโภค

และ นี่จะเป็นครั้งแรกในไทยที่เชื่อว่าจะปลุก "ผู้บริโภค" ซึ่งเคยเป็น "ยักษ์หลับ" ให้ตื่นขึ้นมารู้จักสิทธิและเรียกร้องสิทธิให้ ตัวเอง

ใน เวลาเดียวกัน ยังเป็นการ "กระตุก" และ "กระตุ้น" ให้ผู้ประกอบการเคารพสิทธิผู้บริโภคและดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อ สังคมมากขึ้น

"บุญยืน ศิริธรรม" ผู้ประสานงานเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคตะวันตกกล่าวว่า "ที่ผ่านมาผู้บริโภคในไทยเป็นเหมือนยักษ์หลับ คนไทยทั้งประเทศเป็นผู้บริโภคที่อ่อนแอมาก ใครผลิตอะไรมาก็ซื้อ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคแสดงออกมาบ้างว่าเขาพอใจใน สินค้าและบริการอย่างไร คนที่ควรตัดสินเรื่องนี้ดีที่สุดคือคนที่เสียเงินซื้อสินค้าและบริการ ที่ผ่านมาเรามักได้รับการประชาสัมพันธ์บอกแต่เรื่องดีของสินค้า บริการ องค์กร ทำให้ผู้บริโภคซื้อมาใช้ พอซื้อมาใช้แล้วดีหรือเปล่าเราไม่มีช่องทางเลยที่จะบอกว่าโฆษณามาสินค้าใช้ แล้วเป็นอย่างไร โครงการนี้จึงเป็นช่องทางและเป็นกระจกสะท้อนจากผู้บริโภค"

แม้ว่าในแต่ละปีจะมีผู้บริโภคร้องเรียนมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย โดยในปี 2551 มีตัวเลขผู้ร้องเรียนต่อกรณีต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นถึง 3,435 คน เกินกว่าครั้งร้องเรียนเรื่อง "การทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม" ตามมาด้วยธุรกิจประกันภัย และการใช้บริการ "ฟิตเนส"

แต่ถึงวันนี้ดูเหมือนว่ายังไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สินค้าและบริการในสังคม

" สารี อ๋องสมหวัง" เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า การที่ผู้บริโภคร้องเรียนเหมือนกับประชาธิปไตย การส่งเสียงของเขา การใช้สิทธิของเขา เหมือนกับให้เขาใช้สิทธิใช้เสียงในประชาธิปไตย ซึ่งอันนี้เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยที่คนจะบอกความต้องการของตัวเองออกมา การออกเสียงของผู้บริโภคครั้งนี้ที่จะร่วมกันโหวตมีความหมายที่จะทำให้ผู้ ผลิตทราบว่าสินค้าเขามีความหมาย มีจุดบกพร่อง มีปัญหาที่ ผู้บริโภคไม่พอใจอย่างไร มีอะไรที่ต้องปรับปรุง และเชื่อว่าจะทำให้เกิดกลไกในการยกระดับมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบ การในอนาคต"

โครงการนี้จึงเป็นเหมือนสัญญาณแห่งการเริ่มต้นในการมา ถึงของ C ตัวที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนแนวคิดความรับผิดชอบ ต่อสังคมขององค์กร (CSR) ในไทยเป็น C-consumer ที่จะกดดันและกระตุ้นองค์กรที่จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบอย่างแท้จริงในทุก วันและทุกส่วนของการดำเนินธุรกิจ ยกเว้นเพียงแต่ว่าองค์กรของคุณอยากมีชื่ออยู่ในทำเนียบบริษัทยอดแย่ !!

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 22 ธันวาคม 2551
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02csr05221251&day=2008-12-22&sectionid=0221


ไม่มีความคิดเห็น: