ค่ายนี้เป็นค่ายอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนอย่าง มืออาชีพกับนักเขียนชื่อดัง อาทิ อรสม สุทธิสาคร นักเขียนสารคดีอิสระ ทรงกลด บางยี่ขัน ไอดอลคนรุ่นใหม่แห่งนิตยสารอะเดย์ ศุ บุญเลี้ยง ศิลปินนักเขียน บินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนรางวัลซีไรต์ ฯลฯ ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และ ธุรกิจกระดาษเครือซิเมนต์ไทย (SCG Paper) โดยคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ 40 คนจากการเปิดโอกาสให้เยาวชนส่งผลงานเข้ามาประกวดจากทั่วประเทศ
" อรสม สุทธิสาคร" นักเขียนสารคดีอิสระ หนึ่งในวิทยากรผู้เข้าร่วมโครงการบอกว่า "ในฐานะที่เราก็เคยเป็นเด็กและเคยเขียนหนังสือ และฝักใฝ่ในเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่สมัยที่เราเป็นเด็กไม่มีค่าย เราก็ใช้วิธีแบบครูพักลักจำ มาแบบลูกทุ่งเราจึงคิดว่าเป็นโชคดีของเด็กยุคนี้ที่มีพื้นที่เปิดกว้างให้ สามารถหาความรู้ และได้เรียนรู้กับวิทยากรที่มีชื่อเสียงอยู่บนเส้นทางมืออาชีพ ตอนนี้มีค่ายแบบนี้หลายค่าย และเราก็พบว่าเด็กหลายคนมีฝีมือและก็ประมาทไม่ได้เลย จากที่ได้ดูผลงานเด็กที่เข้าร่วมโครงการเขียนแบบมืออาชีพทั้งนั้น จึงเชื่อว่าถ้าเขาได้รับการสนับสนุนในอนาคตเขาจะเก่งกว่าเรา และถ้ามีหลายๆ มือมาคอยสนับสนุน หลายคนจะกลายไปเป็นทรัพยากรสำคัญที่ช่วยยกระดับวงการวรรณกรรมไทย"
ปัจจุบัน แม้จะมีค่ายในลักษณะนี้หลายค่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ "ทรงกลด บางยี่ขัน" บรรณาธิการนิตยสารอะเดย์ บอกไว้นั้น น่าสนใจว่า "ผมว่าข้อดีของค่ายนี้ก็คือการที่เด็กจะได้รับความรู้ที่หลากหลาย ทั้งการเขียนสารคดี เรื่องสั้น สกู๊ปข่าว ซึ่งเขาอาจจะไม่สนใจทุกเรื่องแต่ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสอนความเป็นมือ อาชีพ และทำให้พวกเขารู้ว่าบางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้เลย ทำไมจำเป็นต้องรู้เพราะจะสามารถสร้าง ไอเดียใหม่ๆ ให้เราได้"
และแม้ เวลาเพียง 4 วัน 3 คืนอาจจะไม่มากพอที่จะพัฒนาทักษะงานเขียนได้ในพริบตา แต่เขาก็เชื่อว่า "จากค่ายนี้ผมว่าเด็กๆ จะได้วิธีคิดและจุดประกายการเดินตามความฝันของพวกเขาในอนาคต"
เป็น การจุดประกายความฝันและจุดประกายปัญญา ซึ่งเป็นธงที่บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และเอสซีจี เปเปอร์ได้ ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะแม้ค่ายนักเขียนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กร 2 ค่ายผ่านโครงการจุดประกายปัญญาที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาแล้วเป็นปีที่ 4
" สมหมาย ปาริจฉัตต์" กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เราได้ทำงานร่วมกับเครือซิเมนต์ไทยมาแล้ว 3 ปี ปีนี้เป็นปีที่ 4 และ 2 ปีแรกเราเปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆ เขียนจดหมายมาขอหนังสือบริจาค โดยทางคณะกรรมการจะคัดเลือกความจำเป็นเหล่านั้นก่อนที่จะพิจารณานำเงินไป ซื้อหนังสือเพื่อเข้าห้องสมุดแต่ละโรงเรียนก่อนที่ปีที่ 3 เมื่อปี 2550 ได้จัดกิจกรรมให้เยาวชนเขียนความเรียงเรื่อง "พ่อ" ส่งเข้าประกวด มีคณะกรรมการพิจารณาตัดสินและมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่ได้รางวัลและ ซื้อหนังสือให้โรงเรียนที่เยาวชนคนนั้นเรียนอยู่ในปีที่ 4 นี้จึงได้ขยายกิจกรรมโดยจัดเป็นค่ายนักเขียนเยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดและการเขียนให้กับเยาวชนอายุ 15-22 ปี"
"สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับโครงการนี้ก็คือ มีเยาวชนส่งความเรียงเข้ามาประกวดถึง 820 คนมากกว่าที่ใดๆ ที่เคยจัดมา จากนั้นก็คัดเหลือเพียง 40 คนที่นับมาเป็นสุดยอดกระบวนยุทธ์ ซึ่งความสำเร็จของโครงการจะเกิดขึ้นได้ก็ขึ้นอยุ่กับผู้เข้าอบรมทุกคนที่จะ ต้องกลั่นผลงานออกมาให้ดีที่สุด" สมหมายกล่าว
เพราะงานนี้ไม่เพียง นักล่าฝัน 40 ชีวิตซึ่งมีโอกาสมาร่วมโครงการจะได้รับทุนการศึกษาคนละ 7,000 บาท พวกเขายังจะได้มีโอกาสมอบหนังสือมูลค่า 20,000 บาทให้กับโรงเรียนในโครงการ "โรงเรียน I see U มติชน 30 ปี" และที่สำคัญนี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้ง 40 คนจะได้เป็นเจ้าของผลงานหนังสือรวมเล่มเป็นครั้งแรกในชีวิต !!
ที่มี "มติชน" เป็นผู้จัดพิมพ์และ "เอสซีจี เปเปอร์" เป็นผู้สนับสนุนทุนการศึกษา กระดาษที่ใช้ในการประกอบกิจกรรมในค่ายและกระดาษที่จะใช้ในการจัดพิมพ์ หนังสือรวมเล่มสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้
"มัทนา เหลืองนาคทองดี" ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร เครือซิเมนต์ไทย (SCG) กล่าวว่า "สิ่งที่เราหวังคือการจุดประกายปัญญาที่จะเกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมโครงการให้ สามารถเดินตามความฝันของตัวเอง เพราะเราเชื่อมั่นในคุณค่าของคน ซึ่งเป็นอุดมการณ์ข้อหนึ่งที่เครือซิเมนต์ไทยเชื่อมั่นว่า คนมีศักยภาพ มีคุณค่าและเราสามารถพัฒนาให้คนเป็นทั้งคนเก่งและ คนดี"
แม้นี่จะ เป็นเยาวชนเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่การจุดประกายฝันที่ทำให้เขาก้าวเดินไปบนเส้นทางนักเขียนมืออาชีพ อย่างที่พวกเขาใฝ่ฝัน ไม่เพียงแต่จะสร้างประโยชน์ให้กับตัวเยาวชนเอง แต่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ อย่างที่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร รองประธานที่ปรึกษา บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ในตอนหนึ่งในการให้โอวาทกับเยาวชนที่มาร่วมในค่ายว่า "การเข้าค่ายครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นจุดประกายในชีวิตนักเขียน จะไปได้ไกลแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน แต่ต้องพึงตระหนักว่า หน้าที่ในฐานะเป็นสมาชิกของสังคม ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ขอให้การเขียนเป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ" !!
ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02csr03271051&day=2008-10-27§ionid=0221
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น