วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ขนาดองค์กรไม่ใช่อุปสรรค

โดย อนันตชัย ยูรประถม anantachai@yahoo.com



Q : อยากเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่คงยังทำไม่ได้เพราะไม่ได้มีเงินมากหรือเก่งขนาดองค์กรใหญ่ๆ

ตอน นี้ผมเจอคนมีปัญหาเรื่องขนาดบ่อยมาก ก็แหม...นะที่รู้ที่เห็นกันเขาก็เอาของใหญ่ๆ โตๆ มาอวดกันทั้งนั้น เล็กๆ อย่าง พี่ไทยเราก็เลยหลบๆ อยู่ไม่กล้าเอาออกมาอวดกลัวโดนคนเขาหัวเราะเยาะ...เที่ยวนี้เริ่มต้นซะวาบ หวิวเลย CSR นะครับที่คุยอยู่นี่ อย่าเข้าใจผิด

หลายๆ คนที่เจอทั้งหน่วยงานรัฐและธุรกิจ บ่นตลอดว่าองค์กรเล็กไซซ์ S ไซซ์ M อย่างเขาจะทำอะไรได้ เราไม่ได้ใหญ่โต มีตังค์เยอะๆ ทั้งๆ ที่ใจไปกะเขาแล้ว ต้องอธิบายครับ องค์กรก็เหมือนคนครับ บอกได้เลย ความเก่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดครับ

เพราะตัวอย่างของ CSR ที่เราได้ยินหรือเห็นๆ กัน มักจะมาจากองค์กรใหญ่ๆ ที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้และพัฒนามา ประกอบกับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่บ้าง เรารับภาพของ CSR แต่เพียงเรื่องของกิจกรรมการบริจาค การช่วยเหลือชุมชนซึ่งเป็นภาพของโครงการที่อาจจะต้องลงทุน หรือการพัฒนาอย่างยั่งยืนก็เป็นเรื่องของสังคมกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นกิจกรรม คล้ายๆ กัน ขนาดเมื่อไม่กี่วันไปร่วมปรึกษาเรื่องการจัดทำแผน CSR เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับองค์กรขนาดที่เรียกว่าไม่เล็ก ยังมีอาการขยาด ออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ได้ใหญ่หรือมีเงินมากขนาดองค์กรระดับประเทศที่มีงาน สื่อสารระดับมวลชนถึงกิจกรรมด้านสังคม และก็ยกประเด็นแต่เรื่องกิจกรรมอาสาที่ยังมีปัญหาการเข้าร่วมของพนักงานอยู่ โดยคาดว่าถ้ามีแผน CSR แล้วจะทำให้คนในองค์กรเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น...จบ แต่ผมไม่จบ...ต้องอธิบายให้ฟังก่อนว่า CSR มันไม่ใช่เรื่องการบริจาคหรือเอาคนมาร่วมกิจกรรมอาสา อีกหลายเรื่องครับ

นี่ แหละครับประเด็นใหญ่ที่ยังคงใหญ่อยู่ ผู้ใหญ่จากหน่วยงานรัฐท่านหนึ่งเปรยให้ผมฟังด้วยความเป็นห่วงว่า อยากช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กในบ้านเรามีแนวปฏิบัติด้าน CSR เพราะในอนาคตแม้เราจะชอบหรือไม่ชอบแต่ประเด็นนี้จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราต้องติดต่อค้าขายกับธุรกิจต่างประเทศหรือในประเทศที่เขาเองก็ต้อง ติดต่อกับ ต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง ผมก็เรียนไปว่า ยากไม่ยากอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจครับ เบื้องต้นต้องรู้ให้ทัน เข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนว่า ถ้าพูดถึง CSR เขาหมายถึงอะไร ธุรกิจของเราเกี่ยวข้องอย่างไร และถ้าต้องนำมาปฏิบัติเราต้องทำอย่างไร ที่น่ากลัวก็คือ หยิบซ้ายที ขวาทีแล้วก็เอามาประโคมกัน มันก็เลยมีปัญหาเพราะพากันงงไปหมด แถมที่สำคัญทำไปแล้วพอเขาบอกว่าไม่ใช่ ทีนี้ละเหี่ยวแห้งเพราะเสียแรงไปเยอะ

จริงๆ เรื่องนี้ผมพูดบ่อยมาก CSR ควรเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ก่อน เรียน...จริงๆ นะครับ เพื่อให้รู้ พอรู้แล้วเราจะมีคำตอบว่ามันมีอะไรและเราต้องทำยังไง เพราะถ้ามองว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์กร ด้าน CSR นั้นมีอยู่ประมาณ 3 ระดับด้วยกันครับ คือ ตระหนักรู้ บูรณาการ และผ่านเปลี่ยน

ระดับแรก ตระหนักรู้ องค์กรเริ่มเรียนรู้ทำความเข้าใจ มีการนำมุมมองใหม่ๆ ด้าน CSR เข้ามามอง ตรงนี้องค์กรจะเริ่มต้นประเมินตนเองในวิถีทางใหม่ๆ และเริ่มนำมุมมองทางสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้ามาสู่กระบวนการตัดสินใจทาง ธุรกิจครับ

ระดับต่อมา บูรณาการ ขั้นนี้มีการพัฒนาสู่ระดับกลยุทธ์ องค์กรมีพันธสัญญาในการสร้างความก้าวหน้าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยนำไปสู่กลยุทธ์องค์กรผลก็คือ องค์กรได้รับประโยชน์ เช่น ลดค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการ มีภาพลักษณ์ที่ดี

และสุดท้ายขั้นเปลี่ยน ผ่านไปสู่การเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายที่สูงส่ง วิธีคิด แนวทาง และการปฏิบัติในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ พนักงาน องค์กร มีการพัฒนาโดยมุ่งไปสู่ความยั่งยืน

ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับขนาด แต่ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และการนำไปปฏิบัติให้เข้ากับองค์กรอย่างเหมาะสม ตรงนี้แหละครับที่ผมว่า ไม่ต้องเป็นคนตัวใหญ่ ใจเกินร้อย แต่เป็นประเภทเล็กดี...แต่รสโต จะดีกว่า นะครับ

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไม่มีความคิดเห็น: