วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"กรุงศรี ออโต้ฯ" ขับเคลื่อนโลกสีเขียว



แม้ ที่ผ่านมาจะมีเครื่องมือในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ในองค์กรธุรกิจ หากดูแนวโน้มการขับเคลื่อนแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ทั่วโลก จะเห็นได้ว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย 3 R คือ reduce ลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ reuse การนำกลับมาใช้ใหม่ recycle การนำเอาขยะไปผ่านกระบวนการก่อนที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความสำคัญอีกครั้ง เพราะทั้ง 3 กระบวนการนั้นสามารถตอบโจทย์ในการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบต่อสังคม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน

การ เปิดตัวโครงการ "DRIVE GREEN กรุงศรี ออโต้ ขับเคลื่อนโลกสีเขียว" ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ "กรุงศรี ออโต้ฯ" ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อยานยนต์ครบวงจรของไทยเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ในการรณรงค์ให้พนักงานรักษาสิ่งแวดล้อมในสำนักงานด้วยการคัดแยกและลดปริมาณ ขยะ ลดพลังงานที่ใช้ในสำนักงาน เช่น น้ำ ไฟฟ้า อีกทั้งร่วมกับชุมชนในการเพิ่มพื้นที่ สีเขียว ก็เป็นเช่นเดียวกันกับองค์กรธุรกิจ ทั่วโลกที่มีวัตถุประสงค์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพียงแต่เพิ่ม R ตัวที่ 4 คือ replenish คืนชีวิตสู่ธรรมชาติ เข้าไปในโครงการเพื่อให้กรอบของกิจกรรมเพื่อสังคมในครั้งนี้ครอบคลุมตั้งแต่ ภายในองค์กรไปจนถึงสังคมภายนอก

"ฐิติภา ลักษณพิสุทธิ์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "แม้เราจะมีกิจกรรมเพื่อสังคมมานาน แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการวางกลยุทธ์กิจกรรม CSR และทำให้การดำเนินความรับผิดชอบเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยมีการวางกระบวนการในการทำงาน มีเป้าหมาย มีการวัดประเมินผล และมีการระดมทรัพยากรในทุกด้านเพื่อขับเคลื่อนโครงการให้ประสบความสำเร็จ และเรา เชื่อว่าการทำงานอย่างเป็นระบบจะช่วยให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพมาก ขึ้นด้วยทรัพยากรที่ไม่แตกต่างจากเดิม"

"หัวใจสำคัญของโครงการอยู่ ที่ความพยายามสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นกับพนักงานเป็นลำดับ แรก โดยมีการอบรมให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เรายังได้ทำกิจกรรมร่วมกับมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ใน พระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อที่จะเปิดโลกแห่งโอกาสในการเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมกับเด็กๆ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและ อนุรักษ์ธรรมชาติ"

"ในท้ายที่สุดเราไม่ได้คาดหวังว่างาน CSR ที่ทำจะสามารถประสบความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน แต่เราหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างให้เกิดความยั่งยืนกับทั้งองค์กร และสังคม ด้วยการเป็นผู้นำในการผลักดันให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมบนพื้นฐานของ ศักยภาพทางธุรกิจที่เราดำเนินการอยู่" ฐิติภากล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02csr05130452&day=2009-04-13&sectionid=0221



ไม่มีความคิดเห็น: